ปัจจุบันคนไทยหันมาให้ความสนใจกับสุขภาพตัวเองมากขึ้น ให้ความสำคัญและยกให้การออกกำลังกายกลายเป็นอีกหนึ่งกิจวัตรที่ต้องทำเป็นประจำทุกวัน ซึ่งการออกกำลังกายที่ง่ายและกำลังเป็นที่นิยมในหมู่คนไทยมากที่สุดในขณะนี้ ก็คือ “การวิ่ง” โดยการันตีความนิยมได้จากภาพผู้คนทั่วทุกหย่อมหญ้าในประเทศไทย ที่ออกมาวิ่งออกกำลังกายตามสวนสาธารณะ สถานที่บริเวณกว้างต่าง ๆ หรือถนนที่ทางรัฐจัดเตรียมไว้ให้ในทุก ๆ จังหวัด ล้วนมีผู้คนออกมาวิ่งกันอย่างหนาแน่นทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็น จนจากการวิ่งเพื่อสุขภาพกลายเป็นงานอดิเรกที่หลาย ๆ คนหลงรัก
จากจุดเริ่มต้นที่แตกต่างสู่จุดหมายปลายทางบนเส้นทางเดียวกัน
สาเหตุจุดประกายการเริ่มต้นวิ่งของแต่ละคนล้วนต่างกัน บางคนเริ่มวิ่งเพราะอยากมีสุขภาพที่แข็งแรง บางคนอยากลดน้ำหนัก บางคนถูกชักชวนจากเพื่อนหรือคนใกล้ตัว บางคนวิ่งตามกระแสความนิยม หรือบางคนได้แรงบันดาลใจมาจากศิลปินดาราที่ชื่นชอบ จนปัจจุบันการวิ่งกลายเป็นกีฬาที่มีบทบาทและอิทธิพลระดับประเทศไปแล้วเรียบร้อย แต่ไม่ว่าจุดเริ่มต้นของแต่ละคนจะมาด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันเช่นไร ปลายทางที่นักวิ่งจะพบเจอเป้าหมายมักเป็นไปในทิศทางเดียวกันเสมอ นั่นคือ ผลลัพธ์ทางกายอย่างการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และตามมาด้วยผลลัพธ์ทางใจอย่างการเอาชนะใจตนเอง สร้างตนให้เป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจ และได้รู้จักตัวเองมากขึ้น สิ่งเหล่านี้ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้กีฬาประเภทนี้น่าหลงใหล
อยากเปลี่ยนตัวเองเป็นนักวิ่งควรเริ่มต้นด้วยการเดิน (Walk to Run)
เทคนิคการเริ่มต้นหัดวิ่งที่จะทำให้คุณกลายเป็นนักวิ่งที่ดี และสามารถวิ่งได้ตลอดรอดฝั่งนั้นไม่ยากเลย คุณต้องเริ่มจากการเดินก่อน เดินยาว ๆ และเป็นเวลานาน หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นเดินสลับกับการวิ่ง โดยให้เวลาในการเดินมากกว่า แต่หลังจากฝึกไปได้ซักระยะจึงค่อย ๆ เพิ่มเวลาการวิ่งให้นานขึ้น จนสามารถวิ่งต่อเนื่องโดยไม่ต้องสลับกับเดินได้นานกว่า 30 นาทีขึ้นไป เทคนิคนี้จะช่วยป้องกันการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อได้ดีกว่าการเริ่มวิ่งจากการวิ่งเลย เพราะก่อนจะวิ่งนั้นคุณควรต้องมีกล้ามเนื้อขาที่แข็งแรง เพื่อเตรียมพร้อมในการรองรับแรงกระแทกขณะวิ่ง มีปอดที่ทรงพลัง เพื่อให้วิ่งได้อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เมื่อเตรียมร่างกายพร้อมแล้วคุณสามารถแปลงร่างเป็นนักวิ่งลงสนามได้อย่างไม่ต้องกังวลใด ๆ
จะเห็นได้ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ใครซักคนจะลุกขึ้นมาออกกำลังกายในกีฬาที่เหมือนจะง่าย แต่เอาเข้าจริงการวิ่งเป็นกีฬาที่ต้องต่อสู้กับสิ่งเร้าทั้งปัจจัยภายในและภายนอกมากพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ความเบื่อจากการทำอะไรซ้ำ ๆ เดิม ๆ เป็นเวลานาน หรือความท้อที่จะต้องวิ่งให้ครบตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ รวมไปถึงความเจ็บปวดของกล้ามเนื้อที่ถูกใช้งานหนักกว่าปกติที่เป็นมา ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนไม่เอื้ออำนวยให้สามารถพิชิตระยะทางหรือเส้นชัยตามที่หวังไว้ได้ จึงควรต้องหาวิธีรับมือสิ่งเหล่านี้ และควบคุมมันให้จงได้ ถือเป็นการฝึกความอดทน การสร้างสติ การเอาชนะใจตนเอง และเรียนรู้ตัวตนที่แท้จริงของตัวเองได้เป็นอย่างดี